วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

จันทรุปราคา

                    จันทรุปราคาเต็มดวงและจันทรุปราคาบังดาวฤกษ์

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) หรือ สดร.  ร่วมกับเครือข่ายดาราศาสตร์ฉะเชิงเทราและสงขลา แถลงข่าวเชิญชวนคนไทยรอชม 2 ปรากฏการณ์บนท้องฟ้า คือ "จันทรุปราคาเต็มดวงและจันทรุปราคาบังดาวฤกษ์" หลังเที่ยงคืนวันที่ 15 มิถุนายน หรือเช้ามืดของวันที่ 16 มิถุนายน 2554 ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าว เป็นปรากฏการณ์ที่สำคัญและหาดูได้ยากมาก เพราะจันทรุปราคาในครั้งนี้ เป็นจันทรุปราคาที่เต็มดวงในรอบ 4 ปีเลยทีเดียว

        
ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ จันทรุปราคา จะกินเวลานานถึง 1 ชั่วโมง 40 นาที หรือยาวนานถึง 100 นาที นับว่าเป็นเวลาที่นานที่สุดตั้งแต่เกิดจันทรุปราคามา โดยจะเริ่มต้นในเวลาประมาณ 00.25 น. ของวันที่ 16 มิถุนายน ดวงจันทร์เริ่มแตะเงามัว แต่เราจะสังเกตไม่พบการเปลี่ยนแปลงจนกระทั่งดวงจันทร์เข้าไปในเงามัวลึกมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะเริ่มสังเกตว่าพื้นผิวดวงจันทร์โดยรวมดูหมองคล้ำลงตั้งแต่เวลา ประมาณ 01.00 น.
         และในช่วงเวลาที่เกิด จันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์จะถูกเงาโลกบดบังหมดทั้งดวง แต่ดวงจันทร์ก็ไม่ได้มืดมิด ยังสามารถมองเห็นดวงจันทร์มีสีน้ำตาล ส้ม หรือแดง และอาจมีสีฟ้าปะปนอยู่ได้เล็กน้อย

         จากนั้น ในเวลา 03.13 น. ดวงจันทร์จะเข้าใกล้ศูนย์กลางเงาโลกมากที่สุด จึงคาดว่าเป็นเวลาที่ดวงจันทร์มืดคล้ำที่สุด (หากท้องฟ้าเปิดตลอดปรากฏการณ์) และในเวลา 04:03 น. จะเป็นเวลาที่จันทรุปราคาเต็มดวงสิ้นสุดลง

ขั้นตอนการเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง 16 มิถุนายน 2554
          00.25 น. : ดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่เงามัวของโลก...ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง

          01.23 น. : เริ่มเกิดจันทรุปราคาบางส่วน...ดวงจันทร์เริ่มแหว่ง   

          02.22 น. : เริ่มเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง...ดวงจันทร์เข้าสู่เงามืดทั้งดวง

          03.13 น. : กึ่งกลางของปรากฏการณ์...ดวงจันทร์เข้าไปในเงาลึกที่สุด

          04.03 น. : สิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง...ดวงจันทร์เริ่มออกจากเงามืด

          05.02 น. : สิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วน...ดวงจันทร์ทั้งดวงออกจากเงามืด

          06.01 น. : ดวงจันทร์พ้นจากเงามัวของโลก 
ปรากฎการณ์ทางดาราศาสตร์ดังกล่าว สามารถชมได้ด้วยตาเปล่าทั่วทั้งประเทศ ยกเว้นเพียงภาคใต้ตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงไป โดยให้สังเกตทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะเห็นดวงจันทร์สีแดงอิฐอยู่สูงจากเส้นขอบฟ้าประมาณ 30 องศา และถ้าหากท้องฟ้าโปร่ง ไม่มีเมฆบัง และไม่มีแสงไฟรบกวน ก็จะมีโอกาสเห็นทางช้างเผือกในขณะที่ดวงจันทร์ถูกเงาของโลกบังทั้งดวงอีกด้วย

         ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการ สดร. กล่าวว่า นอกจากคนไทยจะได้ชมปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงแล้ว ยังจะได้ชมปรากฏการณ์ จันทรุปราคาบังดาวฤกษ์ ในเวลาใกล้เคียงกันอีกด้วย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ ที่ดวงจันทร์เคลื่อนที่เข้าไปบดบังดาวฤกษ์ที่มีชื่อว่า 51 Ophiuchi(โอฟีอุชชี)  ซึงเป็นดาวฤกษ์สีขาวที่อยู่นอกระบบสุริยะ และมีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์มาก โดยดาวฤกษ์ดังกล่าว อยู่ไกลจากโลกมากถึง 446.35 ปีแสง ทั้งนี้เราสามารถมองเห็นดาวดาวฤกษ์ 51 โอฟีอุชชี ได้ในเวลาประมาณ 02.08 น.  โดยจะเริ่มหายเข้าไปหลังดวงจันทร์สีแดงอิฐ และโผล่พ้นดวงจันทร์ออกมาในเวลา 02.12 น.

          ดร.ศรัณย์ ยังกล่าวอีกว่า ผู้ที่พลาดชม  2 ปรากฏการณ์บนท้องฟ้า "จันทรุปราคาเต็มดวงและจันทรุปราคาบังดาวฤกษ์" นั้น สามารถรอชมปรากฏการณ์บนท้องฟ้าส่งท้ายปีได้อีกครั้ง ในวันที่ 10 ธันวาคมนี้

         ส่วนผู้ที่รอชมปรากฏการณ์ดังกล่าว ทาง สดร. ได้ร่วมกับเครือข่ายทางดาราศาสตร์ในจังหวัดฉะเชิงเทรา และสงขลา ตั้งจุดสังเกตที่ จ. เชียงใหม่ จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.สงขลา อีกทั้งมีการถ่ายทอดสดภาพปรากฏการณ์จากทั้งสามแห่ง ผ่านทางเว็บไซต์ของสถาบัน ที่ www.narit.or.th ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น